ฝ่าวิกฤตภัยแล้งด้วยพืชหลังนา

จากสถานการณ์ภัยแล้งในปัจจุบัน ทำให้เกิดปัญหาในการทำนาเนื่องจากน้ำไม่เพียงพอต่อการปลูกข้าว  2 รอบต่อปี นายบุญเรือง พลายลหาร อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 17/2 หมู่ที่ 7 ต.บ้านสระ อ.สามชุก  จ.สุพรรณบุรี จัดการพื้นที่เพาะปลูก 25 ไร่โดยการปลูกข้าว 1 รอบต่อปีและหลังจากการเก็บเกี่ยว จึงทำการปลูกพืชหลังนา โดยเลือกปลูกถั่วเขียวเนื่องจากผลตอบแทนสุทธิ และอัตราผลตอบแทนต่อการลงทุนสูง นอกจากนั้นเกษตรกรทำการเลี้ยงวัวเนื้อ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ในช่วงการพักนาและเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาภัยแล้งได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งมีกิจกรรมทางการเกษตรดังรูปที่ 1

รูปที่ 1 กิจกรรมทางการเกษตร

เทคนิคการปลูกข้าว

 เกษตรกรเลือกปลูกข้าวพันธุ์หอมปทุมธานี 1เนื่องจากต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และเพลี้ยกระโดดหลังขาว และเหมาะกับพื้นที่เพาะปลูกเป็นดินทราย ทำให้การเจริญเติบโตของข้าวได้ดี  ซึ่งเกษตรกรเริ่มจากการเตรียมดินในช่วงต้นเดือน ก.ค. หลังจากนั้นสูบน้ำเข้าพื้นที่ปลูกให้สูงประมาณ 4-5 เซนติเมตร โดยแหล่งน้ำมาจากคลองมะขามเฒ่าอู่ทอง และทำการปั่นโรตารี่ ขลุบดิน เมื่อทำการเตรียมดินครบทุกขั้นตอนแล้วทำการหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวปริมาณ 30 กิโลกรัม/ไร่ โดยเมล็ดพันธุ์ข้าวจะต้องทำการแช่น้ำเป็นระยะเวลา 1 วันและทำการบ่มก่อนการหว่านเพื่อให้มีรากงอก หลังจากนั้นทำการใส่ปุ๋ย 3  ครั้ง  ครั้งที่ 1คือ 30 วันหลังจากการหว่านเมล็ดโดยใช้ปุ๋ยสูตร 46-0-0  เพื่อช่วยให้พืชมีใบสีเขียว มีส่วนในการสังเคราะห์แสง ทำให้พืชเจริญเติบโตมีความสูง ใบเจริญงอกงามมีขนาดใหญ่ ใบสีเขียวเข้ม

  ครั้งที่ คือ 45 วันหลังจากการหว่านเมล็ดโดยใช้ปุ๋ยสูตร 16-20-0  เพื่อเพิ่มผลผลิต ป้องกันแมลงและเชื้อโรคได้ดีมาก โดยเฉพาะ นาข้าว พืชไร่ ทำให้พืชเขียวนาน

  ครั้งที่ 3 คือ 70-75 วันหลังจากการหว่านเมล็ดโดยใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-22-8 ทำให้ต้นข้าวแกร่ง ไม่ล้มง่าย และเพิ่มผลผลิต

เมื่อใส่ปุ๋ยครบทั้ง 3 ครั้งแล้วก็ทำการรอเวลาเก็บเกี่ยวช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งผลผลิตที่ได้จะขายในรูปแบบต้นสดเนื่องจากประหยัดเวลและค่าจ้างด้านแรงงาน ส่วนฟางข้าวจะทำการอัดก้อนเพื่อเก็บไว้เป็นอาหารให้กับวัว

เทคนิคการปลูกถั่วเขียว

หลังจากหมดฤดูการปลูกข้าวเกษตรกรทำการเตรียมดินโดยการไถกลบตอซังด้วยผานบุกเบิก  ปั่นโรตารี่ หว่านเมล็ดถั่วเขียว และปั่นโรตารี่กลบเมล็ด ตามลำดับ หลังจากนั้นทำการดูแลวัชพืช และโรคแมลง โดยเกษตรกรกล่าวว่า “จะทำการกำจัดโรคและแมลงเมื่อเห็นอาการที่ผิดปกติเท่านั้น เนื่องจากจะเสียค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน และสารเคมีสูงขึ้น” หลังจากการปลูกเป็นระยะเวลาประมาณ 80-90 วันทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตโดยราคาอยู่ที่ประมาณ 25,000 บาทต่อตัน

การเลี้ยงวัวเนื้อ

วัวเนื้อที่เกษตรกรเลี้ยง คือ พันธุ์บราห์มัน มีทั้งหมด 14 ตัว ได้แก่ แม่พันธุ์ 7 ตัว และลูกพันธุ์ 7 ตัวซึ่งหลักการเลี้ยงวัวเนื้อคือ ต้องให้อาหารและน้ำอย่างเพียงพอเต็มที่ โดยเกษตรกรใช้ฟางข้าวอัดก้อนที่เหลือจากการเก็บเกี่ยวข้าว และหญ้าเนเปียร์ที่ทำการซื้อจากไร่ เป็นอาหารสำหรับวัว ราคาวัวเนื้อที่เกษตรกรสามารถขายได้ ดังนี้

1.  ตัวผู้ อายุประมาณ 1 ปีราคาอยู่ที่ประมาณ 20,000-25,000 บาท/ตัว

2.  แม่พันธุ์พร้อมลูกในท้อง ราคาอยู่ที่ประมาณ 40,000 บาท/ตัว

การปลูกพืชหลังนาและการเลี้ยงวัวเป็นอีกช่องทางที่ช่วยเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและฝ่าวิกฤตภัยแล้งไปได้ แต่เกษตรกรต้องมีการจัดการเพาะปลูกเพื่อวางแผนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้สิ่งเหลือใช้เช่น ฟางข้าว ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ลักษณะของข้าว เป็นลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต และการให้ผลิตผลของต้นข้าว ในท้องที่ ปลูกการทนต่อสภาพแวดล้อม ที่เปลี่ยนแปลงเสมอๆ ตลอดถึงคุณภาพของเมล็ดข้าว ฉะนั้น พันธุ์ข้าวที่ดีจะต้องมีลักษณะเหล่านี้ดี และเป็นที่ต้องการของชาวนา และตลาดลักษณะที่สำคัญๆ
KUBOTA Farm ฟาร์มสร้างประสบการณ์เกษตรสมัยใหม่ ของคูโบต้า บนเนื้อที่มากกว่า 220 ไร่ โดยใช้นวัตกรรมด้านการเกษตรอย่างครบวงจร เพื่อยกระดับเกษตรกรรมให้เป็นเกษตรแม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ด้วยเกษตรวิถีใหม่ที่ให้ผลลัพธ์คุ้มค่าทุกตารางเมตร รวมถึงการบริหารจัดการรายได้ที่ยั่งยืน เพื่อนำพาเกษตรกร
การเพาะเมล็ดเป็นวิธีการขยายพันธุ์แบบใช้เพศ ซื่งส่วนของเมล็ดนั้นได้มาจากการผสมของเกสรตัวผู้กับเกสรตัวเมีย เมื่อผสมติดแล้วดอกจะฝ่อและติดเมล็ด รอจนเมล็ดแก่ก็สามารถนำมาเพาะเป็นต้นต่อไปได้ การเพาะเมล็ดทำได้ครั้งละจำนวนมาก และต้นใหม่ที่ได้อาจไม่เหมือนต้นแม่ จึงเหมาะกับความต้องการคัดเลือกสายพันธุ์ใหม่ๆ