โดรนเพื่อการเกษตร

ปัจจุบันแรงงานคนในภาคการเกษตรไทยนั้นมีจำนวนน้อยลง และประสิทธิภาพจากการทำงานของแรงงานคนต่ำลง จึงได้มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้กับภาคการเกษตรในประเทศไทยอย่างแพร่หลาย ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพิ่มคุณภาพของผลผลิต และยังช่วยในการควบคุมต้นทุนการผลิตได้อีกด้วย

โดยเทคโนโลยีสมัยใหม่อีกหนึ่งชนิดที่จะทำการแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก คือ โดรนการเกษตร ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำมาใช้ประโยชน์กับภาคการเกษตรมากมาย เช่น พ่นปุ๋ย และธาตุอาหารเสริม , วางแผนการเพาะปลูกและถ่ายภาพแปลงเพาะปลูกเพื่อสังเกตการเจริญเติบโตและอาการผิดปกติของพืชดังนั้นเรามาดูกันว่าก่อนการใช้งานโดรนต้องทำอย่างไรบ้าง

1.  การวางแผนและการเตรียมตัวก่อนการบินเป็นอย่างดี จะทำให้บินได้อย่างปลอดภัย และประหยัดแบตเตอรี่ โดยควรคำนึงตามปัจจัยต่างๆดังนี้

  • ศึกษาข้อบังคับเกี่ยวกับโดรนและกฎหมายในท้องถิ่น
  • บินในระยะที่สายตามองเห็นบินในระยะการรับสัญญาณ
  • ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนบิน
  • บินในสภาพแสงที่มากพอ
  • เมื่อใบพัดเสียหายให้เปลี่ยนทันที
  • บินในบริเวณที่เหมาะสมในการบิน

2.  การเตรียมความพร้อม
การตรวจเช็คและการชาร์จแบตเตอรี่

การประกอบและตรวจเช็กใบพัด

ข้อควรระวัง:

  1. หากไม่กางใบพัดออกก่อน อาจทำให้แกนของมอเตอร์สียหายได้
  2. หากประกอบผิดจะทำให้โดรนเสียการทรงตัวเมื่อทำการบิน

–  การประกอบแบตเตอรรี่รีโมท การเปิดใช้งานรีโมท และการเชื่อมสัญญาณ

นอกจากการวางแผนและการเตรียมตัวก่อนการใช้งานแล้วเรามาดูฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆของ  โดรนว่ามีอะไรบ้าง

ฟังก์ชั่นการทำงานของโดรน
Plan Field คือการกำหนดพื้นที่บิน มีทั้งหมด 3 โหมด

โดรนการเกษตรนั้นเป็นอีกหนึ่งเครื่องมีอที่มีประโยชน์สำหรับภาคการเกษตรในปัจจุบัน และเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่น่าจับตามองอย่างเห็นได้ชัด

บทความที่เกี่ยวข้อง

“เมล่อน” เป็นผลไม้ที่มีเนื้อสัมผัสกรอบ หวาน โดยความหวานที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 15-17 เปอร์เซ็นต์บริกซ์ แต่ถ้าหากเมล่อนมีรสชาติที่จืดหรือความหวานต่ำกว่า 12 เปอร์เซ็นต์บริกซ์ อาจส่งผลให้ผลผลิตไม่ตรงตามความต้องการของตลาด และขายไม่ได้ราคา ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจเกิดจากการดูแลเมล่อนที่ไม่ตรงตามระยะการ
ปัจจุบันโดรนการเกษตรเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยอย่างแพร่พลาย เนื่องจากสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในด้านแรงงานและช่วยประหยัดเวลาในขั้นตอนการดูแลรักษาพืชได้อีกด้วย การใช้โดรนในการดูแลรักษาพืชนั้นส่วนใหญ่จะเน้นเป็นการพ่นสารป้องกันกำจัดโรค แมลง และให้อาหารเสริมทางใบแก่พืช โดยนิยมใช้กับพืชหลักเศรษฐกิจ เช่น ข้าว
ดินลูกรัง (Skeletal soils)หมายถึง ดินที่พบชั้นลูกรัง ชั้นกรวด ชั้นเศษหิน หรือชั้นหินพื้นในระดับตื้นกว่า 50 เซนติเมตร จากผิวดิน เนื้อดินบนเป็นดินทรายปนดินร่วนถึงดินร่วนปนทราย อาจพบกรวด หินมนเล็ก หรือเศษหินปะปน จึงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของพืช ดินลูกรังเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ