วิธีการสร้างความอร่อยให้กับเมล่อน

“เมล่อน” เป็นผลไม้ที่มีเนื้อสัมผัสกรอบ หวาน โดยความหวานที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 15-17 เปอร์เซ็นต์บริกซ์ แต่ถ้าหากเมล่อนมีรสชาติที่จืดหรือความหวานต่ำกว่า 12 เปอร์เซ็นต์บริกซ์ อาจส่งผลให้ผลผลิตไม่ตรงตามความต้องการของตลาด และขายไม่ได้ราคา ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจเกิดจากการดูแลเมล่อนที่ไม่ตรงตามระยะการเจริญเติบโต โดยมีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่นการนับช่วงเวลาในการเก็บเกี่ยวที่คาดเคลื่อน การบำรุงต้นที่ไม่เพียงพอ และการให้ธาตุอาหารที่ส่งเสริมการสะสมน้ำตาลน้อยเกินไปในช่วงก่อนเก็บเกี่ยว ก็สามารถส่งผลให้รสชาติของเมล่อนผิดเพี้ยนไปได้

ตัวอย่างค่าความหวานที่ผ่าน Brix Meter

ดังนั้นวันนี้เรามาดูวิธีในการสร้างความอร่อยให้กับเมล่อนกันเลยค่ะ ซึ่งรับรองว่าทุกท่านสามารถนำไปประยุกต์กับเมล่อนได้เกือบทุกสายพันธุ์เลยทีเดียว โดยวิธีที่แนะนำนี้เกษตรกรมักเรียกว่า “การทำหวาน” ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 คือการผสมปุ๋ย เพื่อใช้เป็นปุ๋ย Stock K  โดยมีรายละเอียดดังนี้

ขั้นตอนที่ 2 คือการใช้ Stock K ซึ่งต้องดำเนินการ 2 ส่วนดังนี้

การให้ร่วมกับปุ๋ย (ทางน้ำ) 

– นำปุ๋ย Stock K  ที่ได้เตรียมไว้ปริมาณอัตราส่วน 5 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 100 ลิตรใส่ลงไปในถังผสมปุ๋ยของระบบโรงเรือน เพื่อให้เกิดการดูดซึมผ่านระบบรากเมล่อน โดยเริ่มให้ในช่วง 10 วันสุดท้ายก่อนอายุการเก็บเกี่ยว ทำการให้ทุกๆ วัน ติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน

การฉีดพ่นทางใบ

– นำปุ๋ย Stock K ปริมาณ 10 มิลลิลิตร ต่อน้ำ  10 ลิตรฉีดพ่นที่บริเวณใบเมล่อนทั้งหมดในช่วงเช้าก่อนแสงแดดจัดโดยเริ่มพ่นในช่วง 10 วันสุดท้ายก่อนอายุการเก็บเกี่ยว ทำการพ่นทุกๆ 3 วัน จนกระทั่งเก็บเกี่ยว

และก่อนการเก็บเกี่ยวเมล่อนประมาณ 10 วันสุดท้าย สิ่งที่สำคัญอีกหนึ่งขั้นตอน คือ การลดปริมาณการให้น้ำต้นเมล่อนลง  โดยทำการลดลงวันละ 100-200 มิลลิลิตรต่อต้น จนก่อนเก็บเกี่ยว 2 วันให้หยุดการให้น้ำทั้งหมด เนื่องจากการทำเช่นนี้เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ส่งเสริมให้เมล่อนมีการส่งอาหารไปสะสมที่ผล ลดปริมาณน้ำในผลทำให้รสชาติ และกลิ่นเมล่อนเข้มข้นขึ้น

          กระบวนการผลิตเมล่อนให้ได้คุณภาพ มีความหวานสูงตามที่กำหนด มีกลิ่น และเนื้อสัมผัสที่ดีนั้น ต้องเริ่มมาตั้งแต่การดูแล บำรุงต้น ให้ต้นสมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากโรคและแมลง หากปฏิบัติได้อย่างดีเยี่ยม ก็จะทำให้ในช่วงการสร้างความหวานนั้นสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ภัยแล้งเป็นหนึ่งในปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมของประเทศไทย โดยปัญหาภัยแล้งเกิดจากหลายสาเหตุทั้งสาเหตุโดยธรรมชาติ เช่น การเปลี่ยนแปลงฤดูกาล และสาเหตุจากการกระทำของมนุษย์ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า ผลกระทบของภัยแล้งทำให้พืชขาดน้ำ การเจริญเติบโตหยุดชะงัก ปริมาณและคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ สร้างความ
โรงเรือนอีแว๊ป (Evap) ย่อมาจาก Evaporative cooling system ช่วยลดอุณหภูมิภายในโรงเรือนเหมาะสำหรับการปลูกพืช ผัก ผลไม้ ที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ จะช่วยเพิ่มผลผลิตให้สามารถออกผลได้ตลอดทั้งปี สะดวกในการดูแล สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเพาะปลูก รวมถึงลดความเสี่ยงผลผลิตเสียหายจากแมลงและฝน
ดินลูกรัง (Skeletal soils)หมายถึง ดินที่พบชั้นลูกรัง ชั้นกรวด ชั้นเศษหิน หรือชั้นหินพื้นในระดับตื้นกว่า 50 เซนติเมตร จากผิวดิน เนื้อดินบนเป็นดินทรายปนดินร่วนถึงดินร่วนปนทราย อาจพบกรวด หินมนเล็ก หรือเศษหินปะปน จึงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของพืช ดินลูกรังเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ