ปรับแนวคิดสู่การเป็นเกษตรกรมืออาชีพ

การเกษตรเป็นเรื่องของทัศนคติและมุมมองความคิด เราต้องมองตลาดให้ออกทั้งความต้องการและปริมาณที่จะขาย ถึงจะเป็นเกษตรกรมืออาชีพ คุณสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เกษตรกรยุคใหม่ ทำการเกษตรแบบผสมผสานที่จะเป็นหนทางสร้างความยั่งยืนให้กับอาชีพชาวนาไทยตอนแรกคุณสุกรรณ์ ทำเกษตรอินทรีย์ที่กระแสกำลังมาแรงแบบสุดโต่ง ทำได้ 7 ปี พบว่าไม่คุ้ม เนื่องจากสภาพดินที่สุพรรณบุรี ยังขาดธาตุอาหารบางชนิด และมีการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช จึงหันมาทำเกษตรแบบปลอดภัย ใช้ปุ๋ย และสารเคมีในปริมาณที่เหมาะ

ทำการเกษตรผสมผสานและปลูกพืชแบบปลอดภัย ไม่ปลูกพืชอย่างเดียว ที่ลุมทำนา ที่สูงปลูกอ้อยและพืชไร่ ทั้งปลูกมันสำปะหลัง ข้าวโพด แตงโมง เลี้ยงโคกระบือ ขุดบ่อเลี้ยงปลา เป็นต้น แต่ก็ยังเจอปัญหาในการทำเกษตร นั้นคือเรื่องน้ำ เพราะว่าอยู่พื้นที่นอกเขตชลประทาน จึงขุดบ่อน้ำและบริหารจัดการน้ำด้วยตนเอง โดยบริหารจัดการน้ำ 100,000 ลิตรต่อพื้นที่ 1 ไร่ ขุดบ่อน้ำลึกประมาณ 3 เมตร เลี้ยงปลา เลี้ยงสัตว์น้ำ

ก่อนที่ทำการปลูกพืชหรือก่อนใส่ปุ๋ยในแปลง จะเก็บตัวอย่างดินในแปลงนั้นไปวิเคราะห์ดิน เพื่อทราบความอุดมสมบูรณ์ของดิน ณ ขณะนั้น และใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินหรือปุ๋ยสั่งตัด ซึ่งเป็นการใช้ปุ๋ยเท่าที่จำเป็น (พอดี) กับความต้องการของพืช ถูกชนิด และถูกอัตรา ลดผลกระทบจากการใช้ปุ๋ยไม่ถูกต้อง ทำให้ข้าวที่ปลูกตามฤดูกาล ได้ผลผลิต 75-100 กิโลกรัม/ไร่

“โลกเปลี่ยนแล้ว การเกษตรต้องเปลี่ยน ผมจึงหันมาทำเกษตรในรูปแบบเศรษฐกิจหรือเกษตรอุตสาหกรรม เช่าพื้นที่ทำไร่อ้อย ทำนา 300 ไร่ ขยายเพิ่มเป็น 700 ไร่ ในวันนี้ซื้ออุปกรณ์ ลงทุนด้านเทคโนโลยีจำพวกเครื่องจักรกลการเกษตรมาแทนแรงงานคน ปลูกข้าว นำข้าวเปลือกสีเป็นข้าวสารขายเอง จนมาแปรรูปข้าวไรท์เบอร์รี สีเอง บรรจุแพ็คขายเอง กำหนดราคาเอง หักต้นทุนแล้วเราอยู่ได้อย่างสบาย” คุณสุกรรณ์กล่าวยังแนะนำให้ทำบัญชีรายรับ รายจ่าย การคิดต้นทุน กำไรให้ถูกต้อง ตั้งแต่ค่าเช่า ค่าแรงงาน ค่าเมล็ดพันธุ์     ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าน้ำ เป็นต้น จะทำให้เราทราบได้เลยว่าส่วนไหนเกินความจำเป็น

การทำการเกษตรแบบผสมผสาน จึงเป็นทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรที่จะลดความเสี่ยงที่จะเกิดจากภัยพิบัติและความไม่แน่นอนของราคาผลผลิต โดยการทำการเกษตรหลายๆ อย่างเพื่อเพิ่มรายได้ สามารถหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรในไร่นาได้มากขึ้น สร้างความสมดุลย์ให้กับธรรมชาติ ทำให้ระบบนิเวศดีขึ้น เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและมีความมั่นคงในการที่จะประกอบอาชีพการเกษตรต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

การเริ่มต้นปลูกมะเขือเทศนั้นไม่ยากอย่างที่ทุกท่านคิด เพียงแค่เริ่มต้นอย่างถูกวิธีก็จะได้ต้นมะเขือเทศพร้อมสำหรับการให้ผลผลิต ซึ่งขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก็คือ “การเพาะต้นกล้า” แต่ก่อนการเริ่มเพาะต้นกล้านั้นควรทำ “การบ่มเมล็ด” เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการงอกของเมล็ดนั่นเอง โดยมี
“โดรนเพื่อการเกษตร” เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่จับตามอง สร้างความเปลี่ยนแปลงและสร้างประโยชน์อย่างมากให้แก่การเกษตรกรรม การนำโดรนมาใช้เพื่อมาใช้ในการพ่นปุ๋ย หรือยากำจัดศัตรูพืช เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ช่วยตอบสนองการใช้งานด้านเกษตรได้อย่างดีในหลาย ๆ ด้าน ได้แก่ ช่วยให้เข้าถึงพื้นที่การเกษตรได้
จากการสำรวจพื้นที่ และหาข้อมูลประกอบด้านต่าง ๆ จึงกำหนดขนาดสระที่จะดำเนินการขุด ด้วยรถขุดคูโบต้า รุ่น KX080-3 ขนาด 8 ตัน ให้มีพื้นที่กักเก็บน้ำขนาด 40x20x2.5 เมตร ความสูงของคันดินขอบสระ 1.5 เมตร ความกว้าง 5 เมตร และความจุสระประมาณ 1,350 ลูกบาศก์เมตร สภาพพื้นที่เป็นที่ลุ่มสุดของ