วิธีการรับมือน้ำเค็มเบื้องต้น

ในปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาน้ำเค็มไหลเข้าพื้นที่การเกษตรหลายแห่ง ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ทำการเพาะปลูกพืชมากมาย และส่งผลกระทบต่อพืชโดยตรง เช่น ปลายใบไหม้ ต้นเหี่ยว และใบเหลือง ทำให้ผลผลิตของเกษตรกรลดลง

ซึ่งสาเหตุการเกิดน้ำเค็มในแต่ละภาคแตกต่างกันไป เช่น บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ เกิดจากในช่วงหน้าแล้งน้ำทะเลหนุนสูงทำให้มีน้ำเค็มผ่านเข้าระบบน้ำดิบในการผลิตน้ำประปา และเข้าสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้เกิดน้ำเค็มบนดิน ส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกิดจากน้ำบาดาลเค็มและส่งผลให้น้ำผิวดินบางช่วงเกิดปัญหาความเค็ม

โดยวิธีการรับมือกับปัญหาเหล่านี้สามารถทำได้โดยจัดหาแหล่งน้ำสำรองหรือขุดสระเพื่อเก็บน้ำจืดจากแม่น้ำหรือน้ำธรรมชาติ เนื่องจากเมื่อถึงฤดูแล้งสามารถใช้น้ำสำรองในสระแทนการใช้น้ำจากธรรมชาติหรือบ่อดาลได้นั่นเอง

รูปแบบของการขุดสระ

ขั้นตอนในการขุดสระ

โดยรายละเอียดในขั้นตอนการขุดสระสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ เทคนิคและขั้นตอนการขุดสระน้ำเพื่อการเกษตรด้วยรถขุดคูโบต้า KX080-3

จากบทความรูปแบบการขุดสระข้างต้นนอกจากช่วยในการกักเก็บน้ำเมื่อน้ำเค็มเข้าบุกรุกพื้นที่เพาะปลูกแล้ว ยังเป็นการกักเก็บน้ำหรือสำรองไว้ใช้เมื่อถึงฤดูแล้ง ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรสามารถปลูกพืชและมีผลผลิตได้ตลอดทั้งปีนั่นเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง

1.การเตรียมการก่อนปลูก 1.1 การเตรียมดิน1) ถั่วฝักยาวสามารถเจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกชนิด แต่ลักษณะดินที่มีความเหมาะสมในการปลูกคือดินทรายหรือดินร่วนปนทราย ความเป็นกรดและด่างของดิน pH มีค่าอยู่ระหว่าง 5.5 – 6.82) การเตรียมดิน ควรไถดินตากไว้ประมาณ 7 วัน แล้วไถพรวนอีก 1 – 2 ครั้ง ใส่ปุ๋ยหมักหรือ
ความจำเป็นที่ต้องใช้เครื่องปักดำ นาหว่าน มีปัญหาข้าวดีด,หญ้าวัชพืชและผลผลิตต่ำ ในการขาดแคลนแรงงานคนในช่วงเวลาปักดำ รวมทั้งมีค่าจ้างแรงงานสูง เป็นปัญหาที่สำคัญในการปลูกข้าว โดยเฉพาะในท้องที่ที่ยังคงปลูกข้าวด้วยวิธีปักดำ การใช้รถดำนาจึงเป็นวิธีที่ช่วยแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tetraneura nigriabdominalis วงศ์ : Aphididae อันดับ : Homoptera เพลี้ยอ่อนที่ราก T. nigriabdominalis เป็นแมลงปากเจาะดูด ขนาดเล็กประมาณ 1.5-2 มิลลิเมตร สีน้ำตาลแดง ชมพู หรือเหลืองส้ม ลำตัวอ่อนนุ่ม เคลื่อนไหวช้า พบแต่เพศเมีย ไม่มีปีก รูปร่างคล้ายผลฝรั่ง