ปรับตัวสู้ภัยแล้ง

ในปัจจุบันเกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้ง ทำให้ไม่สามารถทำนาในฤดูนาปรังได้ เกษตรกรสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้โดยการปลูกผักอายุสั้น ซึ่งเป็นทางเลือกในการสร้างรายได้อีกวิธีหนึ่ง โดยผักอายุสั้นที่เกษตรกรนิยมปลูกได้แก่ ผักชี ต้นหอม กะเพรา โหระพา และแตงกวา เป็นต้น  ผักเหล่านี้เป็นผักที่ใช้น้ำน้อยเหมาะสำหรับวิกฤตภัยแล้ง โดยก่อนการเริ่มปลูกนั้นเกษตรต้องทำการปรับสภาพพื้นที่นาให้เหมาะสมสำหรับการปลูกผัก และต้องทำการวางแผนการเพาะปลูกผักให้ตรงกับช่วงฤดูกาลซึ่งจะช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง จึงควรพิจารณาการเลือกปลูกผักดังนี้

การเลือกปลูกผักให้ตรงตามฤดูกาลนั้นนอกจากทำให้ได้ผักที่มีคุณภาพดีแล้ว เกษตรกรสามารถลดต้นทุนด้านการผลิตได้อีกทางหนึ่ง เนื่องจากผักที่ปลูกตามฤดูกาลนั้นจะได้รับอุณหภูมิ และน้ำในปริมาณที่พอเหมาะทำให้ผักแข็งแรง ดูแลง่าย และเจริญเติบโตได้ดีโดยไม่ต้องใช้สารเคมีในการเพาะปลูกอีกด้วย 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ประเทศไทยพบโรคใบด่างมันสําปะหลังครั้งแรกในปี พ.ศ. 2561 โดยมีพื้นที่ระบาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลเสียหายอย่างมากต่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมมันสําปะหลังของประเทศ เนื่องจากโรคใบด่างมันสําปะหลังส่งผลให้ผลผลิตมันสําปะหลังลดลง 20 – 80 เปอร์เซ็นต์ โดยการควบคุมโรคใบด่างมันสําปะหลังสามารถทําได้ ดังนี้
ปุ๋ยที่เป็นธาตุอาหารสำหรับพืชแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี ข้อดีของปุ๋ยเคมีคืออุดมไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่ต้นไม้ต้องการ แต่ช่วงนี้ปุ๋ยเคมีราคาแพงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรสูงขึ้น ดังนั้นปุ๋ยอินทรีย์จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ปุ๋ยอินทรีย์คืออะไร ปุ๋ยอินทรีย์ หมายถึง
เกษตรกรไม่ต้องกังวลใจเรื่องปุ๋ยยูเรียแพงแล้วนะ เพราะเราสามารถใช้แหนแดงแทนปุ๋ยยูเรียได้ โดยข้อมูลจากกรมวิชาการการเกษตรระบุไว้ว่าหากปลูกแหนแดง 1 ไร่ จะได้แหนแดง 3 ตัน มีธาตุอาหารเทียบเท่าปุ๋ยยูเรีย 7-10 กิโลกรัม เลยทีเดียว แต่ก่อนจะใช้แหนแดงทดแทนปุ๋ย เรามารู้จักคุณสมบัติ และวิธีการใช้แหนแดงกันก่อน