การควบคุมแมลงศัตรูอ้อยโดยเชื้อราบิวเวอเรีย (ราขาว)

เชื้อราบิวเวอเรีย (Bauveria bassiana) เป็นเชื้อราในดินที่พบได้ทั่วไป มันเข้าทำลายแมลงทั้งตัวอ่อนและตัวแก่ได้อย่างกว้างขวาง พบว่าเชื้อราขาวเป็นศัตรูกับแมลงศัตรูพืชที่สาคัญๆ เช่น แมลงหวี่ขาว เพลี้ยอ่อน ตั๊กแตน ปลวก ด้วงงวงมันเทศ (Colorado potato beetle) ด้วงถั่วเม็กซิกัน (Mexican bean beetle) ด้วงญี่ปุ่น (Japanese beetle ) lygus bug chinch bug มดคันไฟ หนอนเจาะฝักข้าวโพด (European corn borer ) ผีเสื้อคอร์ดลิ่ง (codling mots) และ ผีเสื้อ Douglas fir tussock เชื้อราชนิดนี้ เกิดขึ้นในดินเป็นพวกที่กินซากที่เน่าเปื่อยผุพังในดิน (saprophyte)

 เชื้อราขาวสามารถผลิตสปอร์ (spores) ที่ต้านทานต่อสภาพแวดล้อมที่อาจรุนแรงได้ และเป็นสปอร์ (spores) ที่อยู่ในระยะที่ทำให้เกิดการติดเชื้อของช่วงวงจรชีวิตของเชื้อราสปอร์  (ที่ในกรณีนี เรียกว่า โคนิเดีย นั้นจะเข้าไปเพาะเชื้อโดยตรงที่ด้านนอกของผิวหนังแมลง   เมื่อสภาพแวดล้อมของความชื้นและอุณหภูมิเหมาะสมจะมีการงอกของสปอร์

ที่รวมเข้ากับผนังคิวติเคิลของแมลงเส้นใยของเชื้อราที่เจริญเติบโตมาจากสปอร์ จะผลิตเอนไซม์ ออกมาโจมตีและละลายผนังลำตัวของแมลงและทำให้เส้นใยแทงผ่านผนังลำตัวของแมลง เข้าไปเจริญเติบโตอยู่ในลำตัวของแมลง เมื่อเข้าไปอยู่ในลำตัวของแมลงแล้ว มันก็จะผลิตพิษที่เรียกว่า ” บิวเวอริซิน” ที่จะไปทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง จนแมลงตายลง จนในที่สุดภายในตัวแมลงทั้งหมดจะเต็มไปด้วยมวลเส้นใยของเชื้อรา เมื่อสภาวะเหมาะสม เชื้อราก็จะเจริญเติบโตไปจนทั่วส่วนที่อ่อนกว่าของร่างกายแมลง โดยทำการสร้างลักษณะ “ดอกไม้บานสีขาว” ปรากฏให้เห็น จึงจะทำให้เจริญเติบโตออกนอกร่างกายแมลง

บทความที่เกี่ยวข้อง

ประโยชน์ของเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี - ความงอกและความแข็งแรงสูง เจริญเติบโตเร็วและสม่ำเสมอ ทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี ได้ต้นข้าวและผลผลิตตามพันธุ์ ให้ผลผลิตสูงกว่าเมล็ดทั่วไป ประหยัดต้นต่อไร่ ป้องกันการแพร่ระบาดของข้าววัชพืช
เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล, Nilaparvata lugens (Stal) เป็นแมลงจำพวกปากดูด ตัวเต็มวัยมีลำตัวสีน้ำตาลถึงสีน้ำตาลปนดำ มีรูปร่าง 2 ลักษณะ คือ ชนิดปีกยาว และชนิดปีกสั้น
สยามคูโบต้า นำองค์ความรู้ KUBOTA (Agri) Solutions เกษตรครบวงจร ไปต่อยอดและพัฒนาเกษตรกร ด้วยการทำแปลงทดสอบการปลูกพืชหมุนเวียน (Revolving crop model) ในพื้นที่นาข้าว ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำนาห้วยตาดข่า จ.อุดรธานี โดยร่วมกับ ศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชขอนแก่น กรมวิชาการเกษตร