การทำแปลงทดสอบการปลูกถั่วเขียวหลังนา โดยการใช้เครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์

ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกข้าวหอมมะลิหนองผักบุ้งพัฒนา จ.เพชรบูรณ์

การส่งเสริมให้เกษตรกรใช้พื้นที่นาให้เกิดประโยชน์สูงสุดและให้เล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่ม จากการปลูกพืชหลังนา เป็นหนึ่งแนวทางที่สยามคูโบต้าได้สนับสนุนพี่น้องเกษตรกรไทยมาโดยตลอด เพราะนอกจากจะทำให้มีรายได้เพิ่มแล้ว ยังเกิดความคุ้มค่าในการใช้เครื่องจักรกลการเกษตร เนื่องจากสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายในทุกฤดูกาลเพาะปลูก ไม่เพียงเฉพาะการปลูกข้าวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการปลูกพืชหลังนาอย่างเช่นถั่วเขียวอีกด้วย แต่ที่ผ่านมา พบว่าถั่วเขียวที่เกษตรกรปลูกอยู่นั้นยังคงให้ผลผลิตต่อไร่ค่อนข้างน้อย และมีการใช้ต้นทุนที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากยังขาดองค์ความรู้และเครื่องจักรกลการเกษตรที่ใช้ปลูกอย่างเหมาะสม

สยามคูโบต้า จึงได้มีการทำแปลงทดสอบการปลูกถั่วเขียวหลังการทำนา ร่วมกับเกษตรกรที่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกข้าวหอมมะลิหนองผักบุ้งพัฒนา ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการ “แปลงใหญ่ประชารัฐ เกษตรสมัยใหม่” ต.นายม อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ จำนวนพื้นที่ 4 ไร่ เพื่อศึกษาการปลูกถั่วเขียวหลังการทำนา และเปรียบเทียบการปลูกแบบวิธีดั้งเดิมกับการปลูกดัวยการใช้องค์ความรู้ “KUBOTA (Agri) Solutions” เกษตรครบวงจร ซึ่งเป็นระบบการจัดการด้านการเกษตรที่มีการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรเข้ามาช่วยสนับสนุนการทำเกษตรในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมดิน การเพาะปลูก และการเก็บเกี่ยวผลผลิต เพื่อเพิ่มผลผลิตและรายได้ให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน

สำหรับการปลูกถั่วเขียวด้วยวิธี KAS นั้น ในขั้นตอนการเตรียมดินได้ใช้แทรกเตอร์ ติดอุปกรณ์ผานพรวนและโรตารี่ ทำการไถกลบตอซังข้าวและพรวนดินให้ละเอียดสม่ำเสมอกัน จากนั้นใช้เครื่องหยอดเมล็ดถั่วเขียว ทำการหยอดเมล็ดพันธุ์ให้มีระยะห่างระหว่างต้นที่เหมาะสม  เพื่อให้สะดวกในการพรวนดิน ดายหญ้า และใส่ปุ๋ย ส่วนในขั้นตอนการเก็บเกี่ยว ได้ใช้รถเกี่ยวนวดข้าวติดตั้งอุปกรณ์เก็บเกี่ยวถั่วเขียว เพื่อลดการสูญเสียของผลผลิตระหว่างเก็บเกี่ยว และยังได้ถั่วเขียวที่มีคุณภาพ  หลังจากเก็บเกี่ยวเรียบร้อยแล้ว จะทำการไถกลบต้นถั่วเขียวลงสู่ดิน เพื่อเป็นปุ๋ยพืชสดในการปลูกข้าวครั้งต่อไป เนื่องจากพืชตะกูลถั่วจะมีส่วนช่วยให้ดินมีปริมาณอินทรีย์วัตถุและธาตุไนโตรเจนที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของข้าว รวมทั้งช่วยให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้เกษตรกรลดต้นทุนปริมาณการใส่ปุ๋ยลงได้ด้วย

จากผลการทดสอบ พบว่า การปลูกถั่วเขียวด้วยวิธีแบบดั้งเดิม ใช้ต้นทุน 21.5 บาท/กก. ได้ผลผลิต 165 กก./ไร่ มีรายได้ 6,222 บาท/ไร่ และได้กำไร 2,672 บาท/ไร่ แต่สำหรับการปลูกด้วยการใช้องค์ความรู้ KAS ใช้ต้นทุน13 บาท/กก. ได้ผลผลิต 244 กก./ไร่ มีรายได้ 9,155 บาท/ไร่ และได้กำไร 5,872 บาท/ไร่ (ราคาขายเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวอยู่ที่ 37.5 บาท/กก.) ซึ่งโดยรวมจะพบว่าการปลูกด้วยวิธี KAS จะได้ผลผลิต รายได้ และกำไรมากว่าวิธีดั้งเดิมที่เกษตรกรนิยมทำกัน

จากความสำเร็จของการทำแปลงทดสอบร่วมกับเกษตรกรในครั้งนี้ สยามคูโบต้า ได้มีการจัดอบรมให้ความรู้ให้แก่เกษตรกร ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดหาเมล็ดพันธุ์  การปลูก  การดูแลรักษา  ตลอดจนการเก็บเกี่ยว เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ความรู้ด้านการปลูกถั่วเขียวให้มีประสิทธิภาพอีกด้วย ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะชาวนาไทย ที่จะช่วยให้มีการบริหารการใช้พื้นที่นาให้เกิดประโยชน์สูงสุด และได้วิธีการปลูกถั่วเขียวแบบเกษตรสมัยใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตและรายได้ รวมทั้งได้คุณภาพดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความร่วนซุย สะดวกในการเตรียมดินและไถพรวนในการปลูกข้าวรอบปีถัดไป

หมายเหตุ: ตัวเลขที่ได้จากการทำแปลงทดสอบจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่นสภาพพื้นที่ ภูมิอากาศ  การระบาดของโรคและแมลง การระบาดของวัชพืช อัตราค่าจ้างแรงงานในแต่ละพื้นที่ พฤติกรรมการเพาะปลูกในแต่ละพื้นที่ การเลือกพันธุ์ที่ใช้ปลูก และปริมาณน้ำฝนในแต่ละพื้นที่และในแต่ละปี รวมทั้งขึ้นอยู่กับผลค่าวิเคราะห์ดิน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ในการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวแต่ละฤดู นอกจากจะเกิดการสูญเสียธาตุอาหารพืช ในเมล็ดที่เคลื่อนย้ายออกไปจากนาแล้ว หากมีการเผาหรือนำฟางไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นแทน จะทำให้เกิดการสูญเสียธาตุอาหารพืชในดินมากยิ่งขึ้น ดินจะมีธาตุอาหารพืชลดลง และเกิดความไม่สมดุลของธาตุอาหาร ส่งผลให้ดินเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ส่งผลกระทบต่อ
สยามคูโบต้า นำองค์ความรู้ KUBOTA (Agri) Solutions เกษตรครบวงจร ไปต่อยอดและพัฒนาเกษตรกร ด้วยการทำแปลงทดสอบการปลูกพืชหมุนเวียน (Revolving crop model) ในพื้นที่นาข้าว ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำนาห้วยตาดข่า จ.อุดรธานี โดยร่วมกับ ศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชขอนแก่น กรมวิชาการเกษตร
การใส่ปุ๋ยไนโตรเจน (N) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการปลูกข้าวให้ได้คุณภาพดีและมีผลผลิตที่สม่ำเสมอ แต่ในดินที่มีการปลูกพืชมักจะขาดแคลนธาตุไนโตรเจน ทำให้เกษตรกรต้องใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในการทำนาทุกครั้ง ซึ่งในการใส่ปุ๋ย หากใส่มากเกินไป อาจทำให้ข้าวเกิดโรคและหักล้มง่าย หากใส่น้อยเกินไป อาจทำให้ได้ผลผลิตต่