มันสำปะหลังคอนโดฯ ผลผลิตมากกว่า 10 ตัน/ไร่ โดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมี

ปีนี้นับได้ว่าเป็นปีทองของมันสำปะหลัง สถานการณ์การผลิตมันสำปะหลังในการเพาะปลูก ปี 2552/2553 นับรวมพื้นที่โดยประมาณได้ 7.2 ล้านไร่ ผลผลิตรวม 26.41 ล้านตัน ซึ่งนับได้ว่าประเทศไทยสามารถผลิตมันสำปะหลังได้เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากประเทศไนจีเรีย และบราซิล

แต่เมื่อเฉลี่ยค่าผลผลิตต่อจำนวนไร่ที่มีอยู่นี้ เท่ากับว่าเกษตรกรมีผลผลิตต่อไร่เพียง 3 ตันเศษเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ตัวเลขที่หนีห่างคู่แข่งในเอเชียอย่างอินโดนีเซียและเวียดนามที่สามารถปลูกมันสำปะหลังได้ดีไม่แพ้ไทยเลย

คุณทองสุข ศรีษะโคตร เกษตรกรวัย 55 ปี จากจังหวัดชัยภูมิ เป็นผู้ปลูกมันสำปะหลังรายหนึ่งที่ยอมรับว่า ตั้งแต่ปลูกมันสำปะหลังมาตลอดหลายสิบปี ตนและเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงยังไม่เคยปลูกมันสำปะหลังได้ผลผลิตมากกว่า 4 ตัน ต่อไร่ เลย “ผมปลูกมันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ เรียกได้ว่าผมปลูกมันมาตั้งแต่เกิดเลย ก็ใส่ปุ๋ยเคมีตามไร่คนอื่นเขาใส่อะไรเราก็ใส่ตามเขา ต้นทุนมันก็สูงยิ่งพอปุ๋ยแพงผมกับชาวบ้านก็ไม่ใส่เลย ปรากฏว่าผลผลิตมันก็พอกัน เลยปลูกแบบปล่อยไปอย่างนั้น หัวมันขึ้นได้แค่ไหนก็แค่นั้น” คุณทองสุข เล่าให้เราฟัง

ปีนี้นับได้ว่าเป็นปีทองของมันสำปะหลัง สถานการณ์การผลิตมันสำปะหลังในการเพาะปลูก ปี 2552/2553 นับรวมพื้นที่โดยประมาณได้ 7.2 ล้านไร่ ผลผลิตรวม 26.41 ล้านตัน ซึ่งนับได้ว่าประเทศไทยสามารถผลิตมันสำปะหลังได้เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากประเทศไนจีเรีย และบราซิล

แต่เมื่อเฉลี่ยค่าผลผลิตต่อจำนวนไร่ที่มีอยู่นี้ เท่ากับว่าเกษตรกรมีผลผลิตต่อไร่เพียง 3 ตันเศษเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ตัวเลขที่หนีห่างคู่แข่งในเอเชียอย่างอินโดนีเซียและเวียดนามที่สามารถปลูกมันสำปะหลังได้ดีไม่แพ้ไทยเลย

     คุณทองสุข ศรีษะโคตร เกษตรกรวัย 55 ปี จากจังหวัดชัยภูมิ เป็นผู้ปลูกมันสำปะหลังรายหนึ่งที่ยอมรับว่า ตั้งแต่ปลูกมันสำปะหลังมาตลอดหลายสิบปี ตนและเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงยังไม่เคยปลูกมันสำปะหลังได้ผลผลิตมากกว่า 4 ตัน ต่อไร่ เลย “ผมปลูกมันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ เรียกได้ว่าผมปลูกมันมาตั้งแต่เกิดเลย ก็ใส่ปุ๋ยเคมีตามไร่คนอื่นเขาใส่อะไรเราก็ใส่ตามเขา ต้นทุนมันก็สูงยิ่งพอปุ๋ยแพงผมกับชาวบ้านก็ไม่ใส่เลย ปรากฏว่าผลผลิตมันก็พอกัน เลยปลูกแบบปล่อยไปอย่างนั้น หัวมันขึ้นได้แค่ไหนก็แค่นั้น” คุณทองสุข เล่าให้เราฟัง


     จนเมื่อปี 2550 คุณทองสุข ได้พบกับเทคนิคการเพิ่มผลผลิตใหม่ หลังจากเข้ารวมกลุ่มกับเพื่อนเกษตรกรเข้าเรียนรู้กับ ส.ป.ก.จังหวัดชัยภูมิ ตามโครงการเพิ่มศักยภาพมันสำปะหลังในเขตปฏิรูปที่ดิน ทำให้คุณทองสุขได้รู้ว่าสามารถเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังของตนเองได้ โดย “วิธีการสับตา” หรือที่เรียกว่า “การปลูกมันแบบคอนโดฯ” และได้เรียนรู้ในเรื่องของการทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพใช้เอง  ทำให้ไม่ต้องซื้อปุ๋ยซื้อสารเคมีกำจัดแมลง ประหยัดต้นทุนค่าปุ๋ย ค่าสารเคมี และค่าแรงงานอีกด้วย และที่สำคัญผลผลิตที่เคยปลูกได้ไร่ล่ะ 2 – 3 ตัน เมื่อทำวิธีนี้แล้วได้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า จนได้ไร่ล่ะ 10 ตันขึ้นไป ในขณะที่ต้นทุนลดลง ทำให้มีกำไรและไม่กลัวว่าราคามันจะเท่าไหร่ ราคากิโลกรัมละ 1 บาท ก็ยังมีกำไร ขณะที่ไร่อื่นๆ ขาดทุน ยิ่งถ้าราคาดีแบบปีนี้ก็หมายความว่าได้กำไรเต็มๆ กิโลกรัมละ 2 – 3 บาทเลยทีเดียว

วิธีการปลูกมันสำปะหลังคอนโดฯ

วิธีการปลูกมันสำปะหลังคอนโดฯ มีด้วยกันหลายวิธีแต่ที่นิยมทำกันแบ่งได้ 3 แบบ คือ

แบบที่ 1 การปลูกให้ออกหัวแบบคอนโดฯ ใช้ท่อนพันธุ์ส่วนที่เป็นลำต้นตัดแบบโคนตรง  ที่มีอายุประมาณ 8- 12 เดือน แต่ที่อายุ 12 เดือนดีที่สุด ตัดให้มีขนาดยาวประมาณ 40 – 50 เซนติเมตร แล้วเฉือนเอาตาข้างท่อนพันธุ์จากด้านล่างออก 5 – 7 ตา เพื่อหวังให้ได้หัวที่เกิดจากฐาน รอบโคน 9 หัว และข้างลำต้นที่เฉือนเอาตาออกอีก 7 หัว เรียงเป็นชั้นคล้ายตึกคอนโดมิเนียม

แบบที่ 2 การปลูกให้ออกหัวแบบคอนโดฯ สามเหลี่ยม ใช้ท่อนพันธุ์ส่วนที่เป็นลำต้นที่มีกิ่งเป็นง่ามติดอยู่ด้วยปลูก กิ่งมีความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร โดยเฉือนเอาตาข้างท่อนพันธุ์จากด้านล่างออก 7 ตา และเฉือนเอาตาข้างส่วนที่ เป็นกิ่งออก กิ่งละ 2 ตา เพื่อหวังให้ได้หัวที่เกิดจากตาข้างกิ่งเพิ่มขึ้นอีก 6 หัว เรียงเป็นชั้นคล้ายคอนโดมิเนียม สามเหลี่ยม

แบบที่ 3 การปลูกให้ออกหัวแบบคอนโดฯ พวงร้อย ใช้ท่อนพันธุ์คล้ายกับการปลูกแบบคอนโดฯ สามเหลี่ยม แต่ เป็นลำต้นที่มีกิ่งสามง่ามที่สอง ติดอยู่ด้วยปลูก โดยมีความเชื่อว่าส่วนที่เป็นกิ่งสามง่ามที่สองอยู่ใกล้ยอด เป็นกิ่งที่อ่อนกว่ากิ่งสามง่ามแรกของลำต้นจะเจริญเติบโตได้เร็วและให้ผลผลิตดีกว่า การปลูกทั้งสามแบบใช้ท่อนปลูก ยาว 40 – 50 เซนติเมตร ปลูกปักตรง โดยให้ส่วนที่เฉือนตาออกทั้งส่วนที่อยู่ด้านข้างลำต้นและกิ่งอยู่ใต้ดิน ของท่อน ปลูกมันสำปะหลังจะเกิดขึ้นที่เพอริไซเคิล อยู่บริเวณรอยแผลระหว่างเปลือกกับเนื้อไม้ของท่อนปลูก นอกจากนี้ รากฝอยยังเกิดที่ตาของท่อนปลูกอีกด้วย รากฝอยที่เกิดจากรอยแผลที่โคนของท่อนปลูกมีมากกว่า 50 ราก ส่วน รากฝอยที่เกิดจากรอยแผลที่ตามีน้อยมากเมื่อเปรียบกับรอยแผลที่โคนของท่อนปลูก

ขั้นตอนการปลูกก็มีรายระเอียดที่น่าสนใจ โดยพันธุ์ที่คุณทองสุขใช้คือพันธุ์เกษตรศาสตร์ โดยการปลูกเริ่มจากการไถเตรียมดินแบบทั่วไป แล้วทำการยกร่องเป็นแนวยาวโดยไถเป็นร่องลึกประมาณ 1 ฟุต หรือ 30 เซนติเมตร จากนั้นก็วัดระยะต้น 1 x 1 เมตร ปักไม้เป็นเครื่องหมายไว้ นำปุ๋ยหมักที่ทำเตรียมไว้ใส่ลงไปในร่องตามจุดที่วัดไว้ อัตรา 0.8 – 1 กิโลกรัมต่อหลุม แล้วทำการกลบดิน จากนั้นก็สามารถนำท่อนพันธุ์ที่ทำการสับตาไว้มาปลูกได้เลยทันที จากนั้นใช้แรงงานคนปักท่อนพันธุ์ลงบริเวณที่เราปักไม้และใส่ปุ๋ยไว้ โดยการปักต้องปักให้ตั้งตรงโดยไม่ต้องเอียง เพราะถ้าปักเอียงเหมือนเกษตรกรรายอื่นจะทำให้หัวมันออกไม่รอบกิ่งพันธุ์ ในส่วนของการใส่ปุ๋ยเคมีจะไม่มีการใส่อีกแล้วเพราะใส่ปุ๋ยหมักรองก้นหลุมครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว วัชพืชก็ไม่ต้องกำจัดเพราะการที่เราใช้ท่อนพันธุ์ที่มีขนาดยาวทำให้เวลาปลูกสูงและวัชพืชโตไม่ทันมันที่เราปลูก ถ้ามีเพลี้ยแป้งหรือแมลงชนิดอื่นๆระบาดก็ทำการฉีดพ่นด้วยน้ำส้มควันไม้ หรือน้ำหมักชีวภาพ

สูตรการทำปุ๋ยหมักสูตรคุณทองสุข

  • ขี้วัว 200 กิโลกรัม
  • ฟางแห้ง 1,000 กิโลกรัม
  • กากน้ำตาล 10 กิโลกรัม
  • รำ 2 กิโลกรัม
  • ยูเรีย 2 กิโลกรัม
  • เชื้อ พ.ด.1  1  ซอง
  • น้ำสะอาด 50 ลิตร

วิธีการ

  1. นำกากน้ำตาล รำ เชื้อพ.ด.1 และน้ำสะอาดใส่รวมกันในถังน้ำ 100 ลิตร แล้วผสมกวนกันจนเข้ากันดีหมักทิ้งไว้ 1 คืน 
  2. นำฟางมาวางซ้อนกันเป็นชั้นๆ ละประมาณ 30 เซนติเมตร โดยแต่ละชั้นโรยด้วยขี้วัวบางๆ แล้วเอาปุ๋ยยูเรียโรยอีกชั้นหนึ่ง ตักน้ำหมักที่เตรียมไว้มารดลงบนกอง ทำไปเรื่อยจนได้ขนาดกองสูง 11/2 เมตร กว้าง 2 เมตร ยาว 3 เมตร โดยประมาณ
  3. หาวัสดุมาคลุมกองปุ๋ยไว้เช่น กระสอบปุ๋ย ทางมะพร้าว หรือผ้าพลาสติก ระหว่างกระบวนการหมักจะเกิดความร้อน ควรกลับกองปุ๋ยหมักทุกๆ 10 วัน และสังเกตดูเสมอมาความชื้นในกองเพียงพอโดยใช้มือจับดู ถ้ายังชื้นเมื่อบีบแล้วจะรู้สึกว่ายังชื้นวัสดุยังจับตัวกัน แต่ถ้าความชื้นไม่พอควรรดน้ำลงไปแต่อย่าให้แฉะ กระบวนการหมักจะใช้เวลาประมาณ 30 – 45 วัน ก็สามารถนำไปใช้ได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

การไถกลบตอซังเพื่อปรับปรุงดินและเพิ่มผลผลิตข้าว ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวประมาณ 65 ล้านไร่ ได้ผลผลิตข้าว 24 ล้านตัน มีฟางข้าวเฉลี่ยประมาณปีละ 25.45 ล้านตัน และมีปริมาณตอซังข้าวที่ตกค้างอยู่ในนาข้าว 16.9 ล้านตันต่อปี ดังนั้นจึงนับได้ว่ามีปริมาณฟางข้าว และตอซังข้าวมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับตอซัง
เพลี้ยกระโดดหลังขาว Sogatella furcifera (Horvath) เป็นแมลงจำพวกปากดูด ตัวเต็มวัยคล้ายกับเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล แต่ปีกมีจุดดำที่กลางและปลายปีก และมีแถบสีขาวตรงส่วนอกระหว่างฐานปีกทั้งสอง ตัวเต็มวัย มีสีน้ำตาลถึงสีดำ ลำตัวสีเหลือง มีแถบสีขาวเห็นชัดอยู่ตรงส่วนอกระหว่างฐานปีกทั้งสอง